การจัดเก็บผักและผลไม้ในพื้นที่ห้องเย็นร่วมกัน ต้องคำนึงถึงปัจจัยสำคัญ ได้แก่ อุณหภูมิที่เหมาะสม, ความชื้นสัมพัทธ์, และ ความไวต่อก๊าซเอทิลีน ซึ่งหากละเลยปัจจัยเหล่านี้ อาจทำให้ผลผลิตเสื่อมคุณภาพหรือเสียหายได้ โดยสามารถจำแนกประเภทของผลผลิตออกเป็น 7 กลุ่ม ดังนี้:
Group 1: ผลิตเอทิลีน
อุณหภูมิ: 0°C ถึง 2°C
ความชื้นสัมพัทธ์: 90–95%
ลักษณะ: ผลิตก๊าซเอทิลีน
ตัวอย่าง:
แอปเปิ้ล, แอปริคอท, ลูกแพร์เอเชีย, บีทรูท, เม็ดมะม่วงหิมพานต์, เชอรี่, มะพร้าว, มะเดื่อ (ไม่ควรเก็บกับแอปเปิ้ล), องุ่น (ที่ไม่มีสารซัลเฟอร์ไดออกไซด์), กะหล่ำปลี, หัวผักกาด, ต้นหอม, ลำไย, มัลเบอรี่, ลิ้นจี่, เห็ด, เนคทารีน, ส้ม, ลูกพีช, ลูกแพร์, ลูกพลับ, ลูกพลัม, ทับทิม, ลูกพรุน, สตรอเบอรี่สด, มะตูม, หัวไชเท้า
Group 2: ไวต่อเอทิลีน
อุณหภูมิ: 0°C ถึง 2°C
ความชื้นสัมพัทธ์: 90–95%
ลักษณะ: ไวต่อก๊าซเอทิลีน
ตัวอย่าง:
ผักโขม, โปยกั๊ก, หน่อไม้ฝรั่ง, ถั่วงอก, หัวบีท, เบอร์รี่ (ยกเว้นแครนเบอรี่), ผักกาดฮ่องเต้, บล็อกโคลี่, กะหล่ำปลี, แครอท, ขึ้นฉ่าย, เชอร์รี่, ข้าวโพดหวาน, เรดิช, พลาสลี่, กีวี่, แห้ว, วอเตอร์เครส, ถั่วลันเตา, ผักกาดหอม

Group 3: ต้องการความชื้นต่ำ
อุณหภูมิ: 0°C ถึง 2°C
ความชื้นสัมพัทธ์: 65–75%
ลักษณะ: ต้องการความชื้นต่ำ
ตัวอย่าง:
กระเทียม, หอมใหญ่, พริกแห้ง
Group 4: ต้องการความชื้นสูง
อุณหภูมิ: 4.5°C
ความชื้นสัมพัทธ์: 90–95%
ลักษณะ: ต้องการความชื้นสูง
ตัวอย่าง:
ผักใบทั้งหมด, แคคตัสลูกแพร์, มันสำปะหลัง, แคนตาลูป, แครนเบอร์รี่, มะนาว, ส้มแมนดาริน, แตงโม

Group 5: ไวต่อเอทิลีนและความเย็นจัด
อุณหภูมิ: 10°C
ความชื้นสัมพัทธ์: 85–90%
ลักษณะ: ไวต่อก๊าซเอทิลีน และความเสียหายจากความเย็นจัด
ตัวอย่าง:
ถั่ว, ส้มจี๊ด, ฟักแม้ว, แตงกวา, มะเขือ, ถั่วฝักยาว, กระเจี๊ยบเขียว, พริก, หัวมันฝรั่ง, ส้มโอ, ฟักทอง, เผือก
Group 6: ผลิตเอทิลีนและไวต่อความเย็นจัด
อุณหภูมิ: 13°C – 15°C
ความชื้นสัมพัทธ์: 85–90%
ลักษณะ: ผลิตเอทิลีน และไวต่อความเสียหายจากความเย็นจัด
ตัวอย่าง:
ทุเรียนผลสด, อะโวคาโด, มะระ, มะพร้าว, ขิงสด, ขนุน, มะนาว, มะม่วง, มังคุด, แคนตาลูป, มะละกอ, เสาวรส, สับปะรด, มะเขือเทศ
Group 7: อุณหภูมิห้อง
อุณหภูมิ: 18°C – 21°C
ความชื้นสัมพัทธ์: 65–70%
ลักษณะ: เก็บที่อุณหภูมิห้อง
ตัวอย่าง:
ลูกแพร์, มันหวาน, มะเขือเทศ, แตงโม, หัวมัน
ข้อควรระวัง
ผลผลิตแต่ละกลุ่มไม่ควรจัดเก็บร่วมกัน เนื่องจากมีความแตกต่างกันในด้าน อุณหภูมิที่เหมาะสม, ความชื้นสัมพัทธ์, และ ความไวต่อก๊าซเอทิลีน ซึ่งหากไม่แยกประเภท อาจส่งผลเสียต่อคุณภาพของผลผลิตทั้งหมด